
คุณฐาปน สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ร่วมเป็นเกียรติปาฐกถา หัวข้อ “การพัฒนาอย่างยั่งยืนเพื่อฝ่าวิกฤติภัยพิบัติทางธรรมชาติ” ในงานปาฐกถาเกียรติยศ “เวฬา ณ จุฬาลงกรณ์ฯ” ในวันเปิดหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านการแพทย์ และสุขภาพ (Vitality Enhancement and Longevity Academy) หรือ หลักสูตรเวฬา (VELA) รุ่นที่ 3 ของคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมี ศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นประธานกล่าวเปิดงาน พร้อมด้วย นพ.ปองพล วรปาณิ รองอธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ศ.ดร.สถิรกร พงศ์พานิช ประธานอำนวยการหลักสูตรเวฬา “Vitality Enhancement and Longevity Academy (VELA)” รุ่นที่ 3 รวมทั้งผู้ประกอบการ บุคลากรในระดับบริหารขององค์กรที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ และบริการด้านสุขภาพของประเทศไทย และผู้สนใจเข้าร่วมงานกว่า 300 คน ณ อาคารหอประชุมใหญ่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โดย คุณฐาปน สิริวัฒนภักดี ได้แบ่งปันประสบการณ์ในมิติต่าง ๆ ที่ร่วมกันทำงานกับเครือข่ายทุกภาคส่วน นำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน หรือ Partnerships for the Goals คือการเสริมความเข้มแข็งให้แก่กลไกการดำเนินงานและฟื้นฟูสภาพหุ้นส่วนความร่วมมือระดับโลกสำหรับการพัฒนาที่ยั่งยืนตาม Sustainable Development Goals (SDGs) ข้อที่ 17 ด้วยการร่วมแบ่งปันองค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญ เทคโนโลยี และทรัพยากรต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนตั้งแต่ระดับชุมชน สังคม และประเทศชาติ สู่การยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนอย่างยั่งยืนทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
พร้อมเปิดวิสัยทัศน์การพัฒนาที่ยั่งยืนของกลุ่มไทยเบฟที่ได้น้อมนำหลักปรัชญาของ “เศรษฐกิจพอเพียง” (Sufficiency Economy Philosophy – SEP) ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และน้อมนำพระปฐมบรมราชโองการตามพระราชปณิธานในการสืบสาน รักษา ต่อยอด ของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มาเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนธุรกิจในทุกมิติเพื่อให้บรรลุสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เพราะ หลักปรัชญาของ “เศรษฐกิจพอเพียง” เป็นปรัชญาที่ชี้ถึงแนวการดำรงอยู่ และปฎิบัติตนเองของประชาชนในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับภาครัฐ ทั้งการพัฒนาการบริหารประเทศให้ดำเนินไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจ ให้มีความสมดุล และพร้อมต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งด้านวัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม จากโลกภายนอก โดยได้กล่าวว่า “ทุกอย่างเริ่มต้นได้ที่ตัวเรา บริหารจัดการตัวเรา จัดการองค์กร และประเทศของเราเพื่อเรียนรู้ ปรับตัว และเตรียมพร้อมรับมือกับทุกความเปลี่ยนแปลง”
คุณฐาปน ยังพูดถึงแนวโน้มความเสี่ยงและปัญหาที่อาจส่งผลกระทบต่อโลกในปี 2025 และคาดการณ์อนาคตในอีก 2 ปี และ 10 ปีข้างหน้า โดยอ้างอิงข้อมูลจาก Global Risks Report 2025 โดยเฉพาะเรื่อง Extreme Weather Events จึงได้เน้นย้ำเรื่องการตระหนักรู้ รวมทั้งการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และยกตัวอย่างโครงการสำคัญที่ไทยเบฟได้เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อน ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน รวมทั้งภาคประชาชน
- การสร้างที่อยู่อาศัยแบบถาวรให้กับผู้ประสบภัยดินโคลนถล่มที่ บ้านห้วยขาบ อ.บ่อเกลือ จ.น่าน เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2561 ซึ่งได้นำแนวคิด CBDRM หรือ Community Based Disaster Risk Management โดยมีการผสานความร่วมมือกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จัดให้มีโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนในการเตรียมพร้อมป้องกันภัยพิบัติ สู่การเป็นกรณีศึกษาพื้นที่ต้นแบบของการจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติ โดยอาศัยชุมชนเป็นฐาน “จากภัยพิบัติ…สู่ความร่วมมือทุกภาคส่วน”
- โครงการ “ไทยเบฟรวมใจ…ต้านภัยหนาว” เพื่อช่วยบรรเทาความหนาวเย็นให้กับประชาชน ปีละ 200,000 ผืน ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปี 2543 ตามปณิธาน “คนไทย ให้กันได้” ของคุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี จนถึงวันนี้นับเป็นเวลา 25 ปีเต็ม พร้อมกับมอบโอกาสในการเข้าถึงความช่วยเหลือด้านต่าง ๆ ทั้งการศึกษา กีฬา และสาธารณสุข อย่างต่อเนื่อง
- การสนับสนุนการติดตั้งสถานีโทรมาตรอัตโนมัติ 72 สถานี ให้กับมูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) (สสน.) เพื่อช่วยเติมเต็มระบบการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ป่าต้นน้ำภาคเหนือ และภาคกลาง ครอบคลุมลุ่มน้ำปิง วัง ยม และน่าน เพื่อนำผลการวิเคราะห์สถานการณ์น้ำแบบเรียลไทม์มาบริหารจัดการน้ำ รวมทั้งการเฝ้าระวัง แจ้งเตือนภัย และสนับสนุนการตัดสินใจเชิงนโยบายด้านต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพได้ทันท่วงทีเพื่อช่วยป้องกันความสูญเสียต่อชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนจากภัยพิบัติได้อย่างยั่งยืนในอนาคต
- การจัดงาน “Sustainability Expo” ที่ได้จัดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2563 สู่การเป็นแพลตฟอร์มความร่วมมือในการจัดงานมหกรรมด้านความยั่งยืนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของภูมิภาคอาเซียน ที่ปลุกกระแสการลงมือทำ “พอเพียง ยั่งยืน เพื่อโลก” ที่ได้น้อมนำพระปฐมบรมราชโองการตามพระราชปณิธานในการสืบสาน รักษา ต่อยอด ของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาเป็นแนวทางของการจัดงาน โดยขยายเครือข่ายพันธมิตรทั้งใน และต่างประเทศครอบคลุมเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกมิติ (COLLABOLATION FOR SUSTAINABLE FUTURE) เพื่อร่วมกันผลักดันให้เกิดการลงมือทำสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลก โดยปีนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 กันยายน-5 ตุลาคม 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ภายในงานปาฐกถาเกียรติยศ “เวฬา ณ จุฬาลงกรณ์ฯ” ยังมีการจัดแสดง และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน ที่ได้รวบรวมสินค้าจากเครือข่ายประชารัฐรักสามัคคีโดยรายได้จากการขายคืนกลับสู่ชุมชนทุกบาท การจัดแสดงนวัตกรรมรักษ์โลกของ “ผ้าห่มผืนเขียวรักษ์โลก” (rPET Green Blanket)” จากขวดพลาสติก rPET จำนวน 38 ขวด เข้าสู่กระบวนการอัพไซเคิล รีดเส้นใยมาถักทอให้กลายมาเป็นผ้าห่ม ได้จำนวน 1 ผืน รวมถึงการจัดจำหน่ายหนังสือ “ภัยพิบัติ ป้องกัน บรรเทา” เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันตามหลักการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ โดยใช้ชุมชนเป็นพื้นฐาน (CBDRM) กรณีศึกษาบ้านห้วยขาบ โดยรายได้สมทบเข้าโครงการ CSR หลักสูตรเวฬา และการจัดแสดงบูทนวัตกรรมทางสุขภาพ และอื่น ๆ ที่น่าสนใจจากคณะต่าง ๆ ของจุฬาฯ อีกมากมาย