
งาน สมโภชพระอาราม 196 ปี วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร สุขสราญรุ่งโรจน์ สมโภชวัดประยูร ไหว้พระขอพร ย้อนวันวาน ชิมอาหารท้องถิ่น ชมศิลปินร่วมสมัย เที่ยวงานปลอดภัย ใส่ใจรักษ์โลก ที่เกิดขึ้นจากการผสานความร่วมมือกันระหว่าง กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ กรมการศาสนา สำนักงานอาชีวศึกษา สำนักงานเขตธนบุรี มูลนิธิสิริวัฒนภักดี บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และ ชุมชนย่านกะดีจีน-คลองสาน เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้ร่วมสักการะและเสริมความเป็นสิริมงคลตลอดปี 2567 จัดเสวนา 3 ศาสนา หัวข้อ “ศาสนธรรมกับการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน” โดย พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร พร้อมด้วย มงซินญอร์ ดร.วิษณุ ธัญญอนันต์ รองเลขาธิการ สภาพระสังฆราชคาทอลิก อีหม่าม ดาโต๊ะ ดร.พัฒนา หลังปูเต๊ะ แห่งมัสยิดต้นสน เขตบางกอกใหญ่ และพระเทพปฏิภาณกวี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร
พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร กล่าวว่า “การเสวนานี้ เป็นกิจกรรมสำคัญที่เกิดจากการสร้างความร่วมมือของศาสนา พุทธ คริสต์ อิสลาม ที่อยากจะเห็นชุมชนต่างๆ อยู่ร่วมกันอย่างย่านชุมชนกุฎีจีน โดยเป้าหมายหลักของการจัดงานในครั้งนี้ คือการพัฒนาที่ยั่งยืน SDGs ย่อมาจาก Sustainable Development Goals–SDGs หรือแปลเป็นไทย คือ “เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน” 1. ความร่วมมือของประชาชนและสังคม (People) ตั้งแต่ผู้นำทางศาสนาไปถึงประชาชน 2. ความมั่งคั่งและการเติบโตทางเศรษฐกิจ (Prosperity) เช่น การออกร้านค้าชุมชน 3. การรักษ์โลก (Planet) รักษาสิ่งแวดล้อมรอบชุมชน 4. สันติภาพและความสงบสุข (Peach) เพื่อความร่วมมือ ความรัก ความเข้าใจอันดี ของพหุวัฒนธรรมที่มีความแตกต่าง และยอมรับกันได้ การอยู่ร่วมกันโดยขันติธรรม คือการยอมรับและเคารพในความแตกต่างอยู่ร่วมกันด้วยความสันติ ขอขอบคุณทุกชุมชนย่านกุฎีจีน ที่มาร่วมด้วยความจริงใจ 5. พลังและความร่วมมือ (Partnership) การมีส่วนร่วมอยากเห็นทุกหมู่บ้านจับมือกันหรือที่เรียกว่า บวร ยกกำลัง 2 เป็นการเชื่อมโยงบริบทสังคม ในทุกมิติ บ้าน วัด โรงเรียน บริษัท วิสาหกิจเพื่อสังคม ราชการ”
ทางด้าน มงซินญอร์ ดร.วิษณุ ธัญญอนันต์ รองเลขาธิการ สภาพระสังฆราชคาทอลิก กล่าวในการเสวนาว่า “ชุมชนรอบวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารเป็นแบบอย่างที่ดีมากกับชุมชนอื่นๆ ทั้งไทยและต่างประเทศ ผมมีโอกาสพาบุคคลหลายศาสนา ล่องเรือแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งชุมชนกะดีจีน เป็นชุมชนที่ผมภาคภูมิใจอย่างที่สุด อาทิ วัดกัลยาฯ วัดประยูรฯ โบสถ์กะดีจีน ชุมชนกะดีขาว และอื่นๆ การมาร่วมงานสมโภชพระอารามหลวง ๑๙๖ ปีถือเป็นความยินดีอย่างยิ่ง ปัจจุบันวัดกะดีจีน มีอายุ 286 ปี ชาวบ้านทั้งหมด 300 ครัวเรือน 1,000 ชีวิต ทุกคนมีความภาคภูมิใจที่เราอยู่ร่วมกัน มาหลายยุคสมัย เราเคารพในความแตกต่าง ความแตกต่างไม่เคยสร้างความขัดแย้งกับพวกเราเลย ที่นี่เป็นเหมือนรากฐานที่เชิดชู สมแล้วที่ได้รับรางวัลยูเนสโก ไม่ใช่มีแค่ พุทธ คริสต์ อิสลาม แต่ยังมี ซิกข์ บรรยากาศแบบนี้หาได้ยากมาก เราเป็นยิ่งกว่ากัลยาณมิตร ความเป็นพี่น้องในครอบครัวเดียวกัน วันนี้เป็นวันพระเจ้าของชาวคริสต์ แต่เราชวนมาร่วมงานชาวพุทธ
ภาคพื้นเอเชียมีมรดกสำคัญที่ตกทอดมาหลายยุคสมัย มีขุมทรัพย์มากมาย เปรียบประดุจอยู่แม่น้ำสายเดียวกัน เราชื่นชมในความงดงาม โดยพระสันตะปาปาฟรานซิส พูดให้ทั่วโลกฟังสรุปดังนี้ 1. คนเอเชียมีความสัมพันธ์อันดีงามต่อวัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่น 2. เราเคารพผู้สูงวัย จำเป็นต้องเชื่อมผู้ใหญ่และคนรุ่นใหม่ 3. เรารักสภาพแวดล้อม เราพึงรักษาโลกนี้ นอกจากนี้เรามีความสามัคคีกลมเกลียว และมีปรัชญาการดำรงชีวิตอย่างพอเพียง โดยผมจะนำรูปแบบของการเสวนาในครั้งนี้ และการอยู่ร่วมกันของชุมชนรอบวัดประยุรกับชุมชนคลองสาน กะดีจีน ไปก่อให้เกิดเป็นประโยชน์ให้กับชุมชนอื่นๆ”
อีหม่าม ดาโต๊ะ ดร.พัฒนา หลังปูเต๊ะ แห่งมัสยิดต้นสน เขตบางกอกใหญ่ กล่าวในการเสวนาว่า “วันนี้ผมมีความประทับใจเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาที่วัดนี้ มีการทักทายแบบอิสลามทำให้รู้สึกอบอุ่นตั้งแต่วินาทีแรกที่เข้าวัด มีเจ้าหน้าที่คอยบริการตลอด และท่านพระพรหมบัณฑิตได้ให้เกียรติ ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญทางด้านวิชาการ และทางด้านแบบฉบับของการปกครอง คนทั้งโลกต้องเอาแบบอย่างจากที่นี่ โดยล่าสุดเลขาธิการสันนิบาตมุสลิมโลกเดินทางมาประเทศไทย ซึ่งได้เดินทางเยือนเพียง 3 แห่ง หนึ่งในสถานที่นั้นคือ วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เป็นที่แรกมาพบกับพระคุณเจ้า และชุมชนทั้งหมดเกือบ 20 คน เราพูดถึงความสำคัญเล่าถึงความเป็นมา ชีวิต ความเป็นอยู่ โดยผมกล่าวว่าผมไม่ได้เป็นแขกที่นี่ แต่ผมเป็นเด็กที่นี่ วันนี้ 400 ปีพอดีของตระกูลผม “เจ้าพระยาบวรราชเจ้า” ที่อยู่ในประเทศไทย และผมมีโอกาสเจอแกรนด์อิหม่ามจากประเทศอียิปต์ เดินทางมาที่มัสยิดต้นสน ท่านถามอาแป๊ะคนจีนที่นี่ว่าเวลาที่ทำพิธีละหมาด ถ้าฉันไม่มาใช้ไมโครโฟนหรือไม่ อาแป๊ะคนจีนตอบว่าใช้ และท่านนำกลับมาพูดในที่ประชุมมุสลิมโลกว่าประเทศไทย มีสิทธิเสรีภาพในการนับถือศาสนาอิสลามเกินร้อย ท่านมาสัมผัสด้วยตัวเองที่มัสยิดต้นสน สุดท้ายสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เราอยู่ที่นี่ด้วยความภูมิใจ เราเข้ามาอย่างมีความสุข ใครก็ตามที่อยู่ประเทศไทยถือว่าเป็นคนไทยทั้งหมด ความเป็นประเทศไทยยั่งยืนมาถึงทุกวันนี้ ศูนย์รวมจิตใจของไทย คือ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ”
ติดตามข่าวประชาสัมพันธ์และความเคลื่อนไหวได้ที่ www.watprayoon.com หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ประชาสัมพันธ์วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร โทร 02-461693